ผลิตภัณฑ์ “สมุนไพรบ้านพลูหลวง” ได้รับการสรรค์สร้างขึ้นโดยอาศัยหลักการทางการแพทย์ของแพทย์แผนไทยโบราณ* ที่มีรากฐานมาจากคัมภีร์ตำราพระโอสถพระนารายณ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “คัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ฉบับใบลาน” ซึ่งเป็นตำราที่มีอายุยาวนานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา การปรุงยาตามตำรับนี้ได้รับการพัฒนาและส่งต่อโดยแพทย์แผนไทยโบราณ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติอย่าง พฤกษวัตถุ (พืชสมุนไพร) และ ธาตุวัตถุ (แร่ธาตุจากธรรมชาติ) เพื่อสร้างสรรค์สูตรยาที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ
คัมภีร์ตำราพระโอสถพระนารายณ์นับเป็นเอกสารสำคัญทางการแพทย์แผนไทย โดยรวบรวมตำรับยาทั้งหมด ๘๑ ตำรับ ที่ถูกบันทึกและปรุงขึ้นโดยแพทย์หลวง ๙ นาย เพื่อใช้เป็นยาถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชระหว่างปี พ.ศ. ๒๒๐๓-๒๒๓๐ ตำรายาดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตำรับที่ทรงคุณค่าที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทย ด้วยหลักการที่ผสมผสานองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการบำบัดรักษาอาการต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง
เนื่องจากมีการบันทึกไว้อย่างมีแบบแผน “ตำราพระโอสถพระนารายณ์” จึงกลายเป็นตำราการแพทย์และเภสัชกรรมแผนไทยที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติไทย ถ่ายทอดให้เห็นถึงโรคภัยที่เกิดขึ้นในราชสำนักสมัยกรุงศรีอยุธยา ตลอดจน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยยุคโบราณ ที่ผูกพันกับสมุนไพรมาอย่างยาวนาน
*กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สรุปหลักการ ๔ ข้อ ทางการแพทย์แผนไทยไว้ดังนี้:
๑. ทฤษฎีธาตุ ๔: สุขภาพดีเกิดจากสมดุลของดิน, น้ำ, ลม, ไฟ
๒. การป้องกันสำคัญกว่ารักษา: เน้นปรับสมดุลร่างกายและจิตใจเพื่อป้องกันโรค
๓. อิทธิพลธรรมชาติ: การรักษาต้องสอดคล้องกับฤดูกาลและธรรมชาติ
๔. สมดุลกาย ใจ วิญญาณ: ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน
อ้างอิง : หลักการ ๔ ข้อที่กล่าวถึง มาจากเอกสารและบทความของ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น:
๑. บทความ “หลักการแพทย์แผนไทย: การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม”
โดยกรมการแพทย์แผนไทย ฯ เน้นทฤษฎีธาตุ ๔ และการปรับสมดุลธาตุ
๒. คู่มือองค์ความรู้การแพทย์แผนไทย จัดทำโดยสำนักวิชาการแพทย์แผนไทย ฯ กล่าวถึงการรักษาแบบองค์รวม
๓. รายงาน “การส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย” โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ
๔. เว็บไซต์กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก (www.dtam.moph.go.th) แหล่งข้อมูลทางการเกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย
![]()


ศาสตร์ยาแห่งสยาม หรือการแพทย์แผนไทยเป็นศาสตร์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ศาสตร์นี้สะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของคนไทยที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับธรรมชาติ เป็นแนวทางในการบำบัดรักษาโรคที่ผสานระหว่างการใช้สมุนไพร การนวด การอบประคบ การปรับสมดุลธาตุในร่างกาย และการปรับพฤติกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน
หัวใจสำคัญของศาสตร์ยาแห่งสยามอยู่ที่การใช้ “สมุนไพร” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา สมุนไพรไทยถูกนำมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การต้ม ยาตำรับ การทำลูกประคบ และการใช้น้ำมันหอมระเหย โดยแต่ละตำรับยามีการผสมผสานตามสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาอย่างยาวนาน การใช้สมุนไพรต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของผู้ปรุงยาในการเลือกสรรส่วนประกอบและปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับอาการและโรคของผู้ป่วย
การแพทย์แผนไทยยังให้ความสำคัญกับ “ธาตุทั้งสี่” ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ โดยเชื่อว่าร่างกายของมนุษย์จะมีธาตุเจ้าเรือนที่เด่น ซึ่งธาตุนี้จะส่งผลต่อบุคลิกลักษณะและสุขภาพของแต่ละคน
ดังนั้นการรักษาในศาสตร์นี้จึงเน้นการปรับสมดุลธาตุให้เหมาะสมกับสภาวะของร่างกาย อาทิ การเลือกสมุนไพร อาหาร และพฤติกรรมที่เหมาะสมกับธาตุเจ้าเรือนของแต่ละบุคคล เพื่อฟื้นฟูและบำรุงสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสตร์ยาแห่งสยามจึงเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้ในเชิงสมุนไพร การรักษาผ่านการปรับสมดุลของธาตุ และการดูแลสุขภาพที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตในทุกมิติ นับเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ที่ควรอนุรักษ์และสืบสาน เพื่อประโยชน์แก่สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยในยุคปัจจุบันและอนาคต
![]()


ผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นเลิศ ที่ผสมผสานสรรพคุณจากสมุนไพรไทยและสมุนไพรจีนที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อเสริมสร้างความสมดุลของธาตุในร่างกาย (คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มความต้านทานโรค ลดการอักเสบ และช่วยชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับความมีอายุยืน)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. เจียวกู้หลาน (Gynostemma Pentaphyllum)
• สารสำคัญ: Gypenosides, Flavonoids, Saponins มีสรรพคุณในการยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจและการไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อ HIV ซึ่งเป็นการปกป้องระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เจียวกู้หลาน สมุนไพรต้านมะเร็งและการฟื้นฟูสุขภาพ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. ปักคี้ (Astragalus Membranaceus)
• สารสำคัญ: Astragaloside IV, Polysaccharides, Flavonoids เป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ลดการอักเสบในร่างกาย และมีคุณสมบัติในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยรักษาความอ่อนเยาว์
• แหล่งข้อมูล: บทความ “สมุนไพรปักคี้ในตำรับยาแผนจีน: คุณสมบัติและการใช้ประโยชน์” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๓. ลูกยอ (Morinda Citrifolia)
• สารสำคัญ: Damnacanthal, Scopoletin, Iridoid glycosides เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการบำบัดและป้องกันมะเร็ง เสริมภูมิต้านทานจากโรคภูมิแพ้ และมีฤทธิ์ในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น
• แหล่งข้อมูล: บทความ “สมุนไพรลูกยอ: สรรพคุณทางการแพทย์และการบำบัด” สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๔. สมอเทศ (Terminalia Chebula)
• สารสำคัญ: Chebulagic acid, Chebulinic acid, Tannins สมุนไพรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งยา” มีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาโรคหลากหลาย ช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือด กำจัดสารพิษในร่างกาย ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “สมอเทศและสมุนไพรในกลุ่ม Terminalia: ราชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๕. ตรีผลา (สมอไทย, สมอพิเภก, มะขามป้อม)
• สารสำคัญ: Gallic acid, Ellagic acid, Tannins มีฤทธิ์ต้านเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และเป็นที่ยอมรับในฐานะยาอายุวัฒนะที่ช่วยเพิ่มความยืนยาวและสุขภาพแข็งแรง
• แหล่งข้อมูล: รายงานการวิจัย “ประโยชน์และฤทธิ์ต้านโรคของตรีผลาในตำรับยาไทย” สถาบันการแพทย์แผนไทย
๖. ลูกหม่อน (Morus Alba)
• สารสำคัญ: Resveratrol, Anthocyanins, Quercetin อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง
• แหล่งข้อมูล: บทความ “คุณค่าทางสุขภาพของลูกหม่อน: ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๗. พลูคาว (Houttuynia Cordata)
• สารสำคัญ: Polyphenols, Quercetin, Flavonoids มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำลายเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพที่สมดุลและสะอาดบริสุทธิ์
• แหล่งข้อมูล: บทความ “พลูคาว: สมุนไพรพื้นบ้านสู่การรักษาโรคเรื้อรัง” สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๘. ตังเซียม (Codonopsis Pilosula)
• สารสำคัญ: Polysaccharides, Alkaloids, Saponins ช่วยบำรุงเลือด เสริมพลังงานในร่างกาย และป้องกันปัญหาน้ำเหลืองเสีย มีฤทธิ์บำรุงม้ามและปอด
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ตังเซียม สมุนไพรจีนบำรุงพลังและสุขภาพ” สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๙. มะเม่า (Antidesma Bunius)
• สารสำคัญ: Anthocyanins, Flavonoids, Vitamin C ผลมะเม่ามีสารแอนโทไซยานินและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง และลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “มะเม่า: สมุนไพรพื้นบ้านและการพัฒนาเพื่อสุขภาพ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๐. ฮ่วยซัว (Dioscorea Opposita)
• สารสำคัญ: Diosgenin, Mucopolysaccharides, Starch สมุนไพรจีนที่มีคุณสมบัติในการบำรุงไต และปรับสมดุลหยินในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยินน้อย ช่วยฟื้นฟูสมดุลและความแข็งแรง
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ฮ่วยซัวและสมุนไพรในกลุ่ม Dioscorea: ประโยชน์และการใช้ทางการแพทย์” สถาบันวิจัยสมุนไพร
๑๑. จัวจิเช่า (Gardenia Jasminoides)
• สารสำคัญ: Geniposide, Crocin, Gardenoside มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับความร้อนในร่างกาย ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งบางชนิด
• แหล่งข้อมูล: บทความ “จัวจิเช่า สมุนไพรในกลุ่มพืชเย็นที่ใช้ในตำรับยาจีน” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๒. เห็ดหัวลิง (Hericium Erinaceus)
• สารสำคัญ: Hericenones, Erinacines, Polysaccharides มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ฟื้นฟูสุขภาพ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เห็ดหัวลิง สมุนไพรเพื่อการฟื้นฟูระบบประสาท” โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• รายงานการวิจัยทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับเห็ดสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๓. หญ้าหวาน (Stevia Rebaudiana)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ช่วยเพิ่มกำลังวังชาและส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด มีผลดีต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวานและประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนเลือด” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงสุขภาพภายในเพศหญิงโดยเฉพาะ (คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : บำรุงธาตุสำหรับสตรี บำรุงเลือดและภายใน ช่วยระบบสืบพันธุ์ ช่วยกระชับช่องคลอด แก้ความผิดปกติของมดลูก ช่วยให้ผิวพรรณดูสวยเปล่งปลั่ง)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. ตังกุย (Angelica sinensis)
• สารสำคัญ: Ligustilide, Ferulic acid, Polysaccharides สมุนไพรที่มีสรรพคุณบำรุงเลือดสำหรับสตรีโดยเฉพาะ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดอาการปวดประจำเดือน บรรเทาอาการวัยทอง ช่วยฟื้นฟูภาวะโลหิตจางและภาวะเลือดพร่อง ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เสริมการไหลเวียนโลหิต
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ตังกุย สมุนไพรบำรุงเลือดและฮอร์โมนสำหรับสตรี” สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. คำฝอย (Carthamus tinctorius)
• สารสำคัญ: Carthamin, Flavonoids, Linoleic acid ช่วยบำรุงโลหิตและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดประจำเดือน ปรับประจำเดือนให้มาเป็นปกติ ลดภาวะเลือดคั่งในมดลูก และมีสรรพคุณช่วยขับระดูคั่งในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: หนังสือสมุนไพรไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๓. มะกรูด (Citrus Hystrix)
• สารสำคัญ: Citral, Limonene, Flavonoids ผิวมะกรูดมีฤทธิ์ช่วยแก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย และคลื่นไส้อาเจียน ช่วยขับลมและขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอด ช่วยบรรเทาอาการระดูมาไม่สม่ำเสมอและเสริมการทำงานของมดลูก
• แหล่งข้อมูล: บทความ “คุณค่าทางสมุนไพรของมะกรูด” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๔. ทับทิม (Punica granatum)
• สารสำคัญ: Punicalagins, Ellagic acid, Flavonoids
อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในผู้หญิงวัยทอง ลดอาการอักเสบเรื้อรังในระบบสืบพันธุ์ แก้ตกขาว และช่วยเพิ่มพลังในเพศหญิง
• แหล่งข้อมูล: วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๕. มังคุด (Garcinia Mangostana)
• สารสำคัญ: Xanthones, Tannins, Catechins
สารแซนโทนจากมังคุดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็ง เสริมสร้างเม็ดเลือดขาว บำรุงผิวพรรณให้ดูสดใสเปล่งปลั่ง
• แหล่งข้อมูล: ศูนย์วิจัยสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๖. เสาวรส (Passiflora edulis)
• สารสำคัญ: Vitamin C, Polyphenols, Flavonoids
อุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส สร้างคอลลาเจน ชะลอการเกิดริ้วรอย และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
• แหล่งข้อมูล: สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
๗. กุหลาบมอญ (Rosa Damascena)
• สารสำคัญ: Citronellol, Geraniol, Flavonoids
ใช้เป็นน้ำกระสายยาที่ช่วยเสริมฤทธิ์ของสมุนไพรตัวอื่น ๆ ในตำรับ บำรุงหัวใจลดความเครียด ช่วยให้จิตใจสงบ และผ่อนคลาย
• แหล่งข้อมูล: หนังสือเภสัชกรรมแผนไทย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี
๘. เก๋ากี้ (Lycium Barbarum)
• สารสำคัญ: Polysaccharides, Zeaxanthin, Betaine
ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรง และช่วยบำรุงตับและไต มีสรรพคุณบำรุงระบบสืบพันธุ์และเพิ่มความเปล่งปลั่งของผิว
• แหล่งข้อมูล: วารสารสมุนไพรและพืชสมุนไพรโลก
๙. ชะมวง (Garcinia Cowa)
• สารสำคัญ: Garciniaxanthone, Hydroxycitric acid
มีสาร “ชะมวงโอน” ที่มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยขับระดูในสตรี ฟอกเลือด และแก้ดีพิการ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
• แหล่งข้อมูล: สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๑๐. ลูกหม่อน (Morus Alba)
• สารสำคัญ: Anthocyanins, Resveratrol, Flavonoids
มีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง บำรุงเลือด ลดไขมันในเลือด และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
• แหล่งข้อมูล: ศูนย์วิจัยพืชสมุนไพร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
๑๑. หญ้าหวาน (Stevia Rebaudiana)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A, Dulcoside
ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลโดยไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเพิ่มพลังงานและเสริมความสมดุลในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงสุขภาพภายในเพศชายโดยเฉพาะ (คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : บำรุงธาตุสำหรับบุรุษ ช่วยเสริมสมรรถภาพ ช่วยเพิ่มพลังและความแข็งแกร่งให้กับเพศชาย ย้อนวัยหนุ่ม ลดภาวะวัยทอง)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. กระชายดำ (Black Ginger)
• สารสำคัญ: Methoxyflavones, Kaempferol, Panduratin A ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย แก้ปัญหากามตายด้าน เสริมสมรรถภาพทางเพศชายโดยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังอวัยวะเพศ ช่วยการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และช่วยให้ปัสสาวะสะดวก ลดภาวะต่อมลูกหมากโต นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กระชายดำ สมุนไพรเพื่อสุขภาพชาย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. ถั่งเช่า (Cordyceps)
• สารสำคัญ: Cordycepin, Adenosine, Polysaccharides ปรับสมดุลธาตุ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านมะเร็ง ลดการอักเสบ มีการศึกษาที่ชี้ว่าถั่งเช่าช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศและบำรุงระบบสืบพันธุ์ในผู้ชายโดยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “คุณค่าทางเภสัชวิทยาของถั่งเช่า” สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๓. เห็ดหลินจือ (Lingzhi / Reishi Mushroom)
• สารสำคัญ: Triterpenoids, Polysaccharides, Beta-glucans บำรุงร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาความเครียดซึ่งมีผลดีต่อสมรรถภาพทางเพศ เสริมสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะ และเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายโดยรวม
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เห็ดหลินจือ สมุนไพรแห่งการฟื้นฟูสุขภาพ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๔. แปะก๊วย (Ginkgo Biloba)
• สารสำคัญ: Flavonoids, Terpenoids, Ginkgolides มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ลดปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และยังช่วยเพิ่มความจำ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “แปะก๊วย: สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ครอบคลุม” สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๕. แปะตุ๊ก (โกฐเขมา) (Saussurea lappa)
• สารสำคัญ: Costunolide, Dehydrocostus lactone, Alkaloids มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ บรรเทาอาการบวม และปวดข้อ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งภายในของร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมพลังงานและฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในผู้ที่มีปัญหาอ่อนเพลียเรื้อรัง
• แหล่งข้อมูล: บทความ “แปะตุ๊ก สมุนไพรจีนในตำรับยาแผนไทย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๖. ฮ่วยซัว (Chinese Yam)
• สารสำคัญ: Diosgenin, Starch, Mucopolysaccharides บำรุงปอด ไต ม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยเสริมพลังทางเพศตามความเชื่อในแพทย์แผนจีน โดยช่วยเพิ่มพลังงานภายในและฟื้นฟูระบบสืบพันธุ์ให้แข็งแรง
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ฮ่วยซัว สมุนไพรบำรุงไตและพลังงานภายใน” สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๗. เถาวัลย์เปรียง (Derris scandens)
• สารสำคัญ: Flavonoids, Alkaloids, Isoflavones กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยต้านการอักเสบ และฟื้นฟูพลังงานให้กับร่างกาย รวมถึงบำรุงกำลังทางเพศในกรณีที่ร่างกายอ่อนแอหรือเหนื่อยล้า
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เถาวัลย์เปรียง สมุนไพรพื้นบ้านไทยในมิติการรักษา” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. กระชายขาว (Fingerroot)
• สารสำคัญ: Panduratin A, Pinostrobin, Flavonoids เป็นยาอายุวัฒนะ เสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะในผู้ชาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีพลังงานเพิ่มขึ้น
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กระชายขาว สมุนไพรเพื่อการบำรุงสุขภาพ” สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๙. หญ้าหวาน (Stevia)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A, Dulcoside ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเพิ่มกำลังวังชา และมีส่วนช่วยปรับสมดุลร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานในร่างกายมีประสิทธิภาพ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวานและการใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพ” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงสุขภาพสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเบาหวานโดยเฉพาะ (คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : ช่วยคุมน้ำตาล, ลดไขมันในเลือด, ลดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน, สมานแผลจากเบาหวาน)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. ผักเชียงดา (Gymnema sylvestre)
• สารสำคัญ: Gymnemic Acid ช่วยยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ทำให้การดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็กช้าลง และช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ผักเชียงดา สมุนไพรคุมน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. อบเชย (Cinnamon)
• สารสำคัญ: Cinnamaldehyde, Polyphenols อบเชยมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือดโดยการเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน ลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้และปรับปรุงความไวต่ออินซูลินในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงระบบประสาทและเสริมการไหลเวียนโลหิต
• แหล่งข้อมูล: บทความ “อบเชย สมุนไพรลดน้ำตาลในเลือด” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๓. กระเจี๊ยบแดง (Roselle)
• สารสำคัญ: Anthocyanins, Hibiscus Acid มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันเส้นเลือดตีบตัน ช่วยเสริมความแข็งแรงและยืดหยุ่นของเส้นเลือด ลดความเหนียวข้นของเลือด ซึ่งช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูงต่อระบบประสาท
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กระเจี๊ยบแดงกับคุณประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๔. เจียวกู้หลาน (Gynostemma Pentaphyllum)
• สารสำคัญ: Gypenosides, Flavonoids ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเมทาบอลิซึมของกลูโคส กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เพิ่มความไวต่ออินซูลิน และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โดยเฉพาะความเสียหายต่อระบบประสาท
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เจียวกู้หลาน สมุนไพรสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๕. พลูคาว (Houttuynia cordata) • สารสำคัญ: Quercetin, Polyphenols, Alkaloids
มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์และอัลคาลอยด์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยบำรุงระบบประสาท และปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีผลดีในการควบคุมภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับเบาหวาน
• แหล่งข้อมูล: บทความ “พลูคาว สมุนไพรพื้นบ้านสู่การควบคุมเบาหวาน” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๖. มะระจีน (Bitter Melon)
• สารสำคัญ: Charantin, Polypeptide-p, Vicine มีสารที่สามารถต้านภาวะเบาหวาน โดยเสริมการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ เพิ่มความไวต่ออินซูลินและความทนต่อกลูโคส
นอกจากนี้ยังยับยั้งการหลั่งกลูโคสในลำไส้เล็กและยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสลายน้ำตาล
• แหล่งข้อมูล: บทความ “มะระจีน สมุนไพรลดน้ำตาลและควบคุมเบาหวาน” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๗. กระบองเพชร (Cactus)
• สารสำคัญ: Amino acids, Pectin, Flavonoids มีกรดอะมิโนที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลและไขมันเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดการดูดซึมไขมันและส่งเสริมการสลายไขมันเก่า รวมถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและเสริมการทำงานของระบบประสาท
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กระบองเพชร สมุนไพรลดน้ำตาลและควบคุมไขมันในเลือด” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. คำฝอย (Safflower)
• สารสำคัญ: Safflower Yellow, Linoleic acid ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ขยายหลอดเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและบำรุงโลหิต ซึ่งมีผลดีต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือดและการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
• แหล่งข้อมูล: บทความ “คำฝอย สมุนไพรลดไขมันและบำรุงโลหิต” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๙. หญ้าหวาน (Stevia)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลโดยไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานและช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทให้มีความสมดุล
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวานและการใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงระบบประสาทและสมองโดยเฉพาะ (คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : ช่วยบำรุงระบบประสาท ช่วยการนอนหลับ ช่วยลดความเครียด ช่วยเรื่องความจำ ลดการหลงลืม ทำให้ความจำดีขึ้น ลดภาวะสมองเสื่อม และลดภาวะซึมเศร้า)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. บัวหลวง (Lotus)
• สารสำคัญ: Nuciferine, Neferine, Flavonoids มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยยับยั้งการเกาะกลุ่มของโปรตีนเบต้าอะมัยลอยด์ ซึ่งส่งผลในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม และช่วยบำรุงสมอง ปรับสมดุลของระบบประสาท
• แหล่งข้อมูล: บทความ “บัวหลวง สมุนไพรเพื่อการบำรุงระบบประสาท” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. แบะตง (Bamboo Shoots)
• สารสำคัญ: Silica, Phenolic compounds, Flavonoids มีสรรพคุณช่วยรักษาเส้นประสาท ลดอาการนอนไม่หลับ ทำให้หลับสบาย ลดความเครียด ความกังวล และบรรเทาอาการทางจิต เช่น ความฟุ้งซ่าน ส่งผลให้มีสมาธิดีขึ้นและลดอาการหลงลืม
• แหล่งข้อมูล: บทความ “แบะตง สมุนไพรฟื้นฟูระบบประสาท” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๓. เง็กเต็ก (Chinese Herb)
• สารสำคัญ: Alkaloids, Saponins, Flavonoids มีสรรพคุณช่วยลดความร้อน ขับพิษ และผ่อนคลายระบบประสาท ลดอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นและหลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึก ช่วยให้ระบบประสาททำงานสมดุล
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เง็กเต็ก สมุนไพรต้านซึมเศร้า” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๔. เก็กฮวย (Chrysanthemum)
• สารสำคัญ: Apigenin, Luteolin, Flavonoids มีสารประกอบที่ช่วยลดความเครียด เป็นยาระงับประสาทตามธรรมชาติที่อ่อนโยน กลิ่นหอมช่วยเสริมความผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดและช่วยให้จิตใจสงบ เหมาะสำหรับการผ่อนคลายและเพิ่มสมาธิ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เก็กฮวย สมุนไพรลดเครียดและเสริมสมาธิ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๕. ใบบัวบก (Centella Asiatica)
• สารสำคัญ: Asiaticoside, Madecassoside, Flavonoids มีสรรพคุณในการบำรุงประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำ ลดความเสี่ยงจากโรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม ฟื้นฟูความจำ ลดความกระวนกระวายและความเครียด ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ใบบัวบก สมุนไพรเสริมความจำ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๖. ลูกยอ (Noni)
• สารสำคัญ: Damnacanthal, Scopoletin, Iridoid glycosides ช่วยระงับความเจ็บปวดและส่งเสริมระบบความจำ ช่วยในการเรียนรู้และความเข้าใจ เพิ่มสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้สมองผ่อนคลาย และช่วยลดความเครียดได้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ลูกยอ สมุนไพรเพื่อบำรุงสมองและลดความเครียด” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๗. พุทธาจีน (Monk Fruit)
• สารสำคัญ: Mogrosides, Flavonoids, Saponins มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและสมองส่วนกลาง ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารสื่อประสาทกาบา (GABA) และฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขและผ่อนคลาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “พุทธาจีน สมุนไพรฟื้นฟูระบบประสาทและลดความเครียด” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. หอมหมื่นลี้ (Osmanthus)
• สารสำคัญ: Linalool, Ionone, Flavonoids มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด กระตุ้นสมองให้สดชื่น อารมณ์แจ่มใส ป้องกันการหลงลืมและเสริมความจำ ช่วยให้จิตใจเบิกบาน
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หอมหมื่นลี้ สมุนไพรเพื่อบำรุงสมอง” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๙. หญ้าหวาน (Stevia)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ช่วยเพิ่มกำลังวังชา ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง ช่วยในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด และมีส่วนช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวานและประโยชน์ต่อระบบประสาท” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงและฟื้นฟูกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ
(คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : แก้ปัญหาปวดเมื่อยเรื้อรัง เส้นเอ็นพิการ ปวดตึงตามตัว กล้ามเนื้ออักเสบ ข้อเข่าอักเสบ ช่วยป้องกันกระดูกพรุน ช่วยให้กระดูกข้อต่อแข็งแรง)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. เถาวัลย์เปรียง (Derris scandens)
• สารสำคัญ: Flavonoids, Isoflavones, Alkaloids สมุนไพรนี้ได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเกิดจากภาวะข้ออักเสบหรือกระดูกเสื่อม
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เถาวัลย์เปรียง สมุนไพรฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อต่อ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. ขมิ้นชัน (Turmeric)
• สารสำคัญ: Curcumin, Turmerones มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ทรงพลัง ช่วยบรรเทาอาการข้อตึง ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อเข่า อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดหลังและบรรเทาอาการปวดตึงของคอและไหล่ได้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ขมิ้นชัน สมุนไพรต้านอักเสบในผู้ป่วยโรคข้อ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๓. ลูกยอ (Noni)
• สารสำคัญ: Damnacanthal, Scopoletin, Iridoid Glycosides สรรพคุณช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีการเคลื่อนไหวลำบาก แก้ปวดจากโรคเกาต์ มีฤทธิ์ระงับการอักเสบ แก้ลมจับโปง ซึ่งอาการนี้อาจทำให้มีการปวดบวมตามข้อ เช่น ข้อเท้า ไหล่ติด นิ้วล็อค
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ลูกยอ สมุนไพรฟื้นฟูการอักเสบของข้อ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๔. ขิง (Ginger)
• สารสำคัญ: Gingerol, Shogaol, Zingerone มีคุณสมบัติต้านอาการอักเสบ เหมาะสำหรับการบรรเทาอาการโรคกระดูกเสื่อม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของข้อต่อในร่างกาย สามารถช่วยลดการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อในระยะยาวได้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ขิง สมุนไพรต้านอาการอักเสบและบำรุงข้อเข่า” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๕. อบเชย (Cinnamon)
• สารสำคัญ: Cinnamaldehyde, Polyphenols ช่วยบรรเทาอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ ปวดประจำเดือน และปวดที่เกิดจากภาวะภูมิแพ้ มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลภายในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “อบเชย สมุนไพรฟื้นฟูกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๖. มะขามป้อม (Indian Gooseberry)
• สารสำคัญ: Ascorbic acid, Gallic acid, Tannins มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในแนวทางการแพทย์อายุรเวท และมักถูกนำมาใช้ในตำรับยาสำหรับรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม โดยช่วยลดการอักเสบของข้อและบรรเทาอาการปวดได้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “มะขามป้อม สมุนไพรลดอักเสบข้อเข่าและกระดูก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๗. โหงวบี่จี (Chinese Angelica)
• สารสำคัญ: Ligustilide, Ferulic acid สมุนไพรนี้ช่วยปรับสมดุลภายใน ฟื้นฟูหลอดเลือดและกล้ามเนื้อ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยหรือการผ่าตัดได้รวดเร็วขึ้น ลดอาการปวดและฟื้นฟูสมรรถภาพกล้ามเนื้อ
• แหล่งข้อมูล: บทความ “โหงวบี่จี สมุนไพรฟื้นฟูระบบไหลเวียนและกล้ามเนื้อ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. โสมเกาหลี (Korean Ginseng)
• สารสำคัญ: Ginsenosides, Polysaccharides มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพละกำลัง ลดความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายปลดปล่อยพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดจากโสมช่วยเพิ่มการดูดซึมออกซิเจนของเซลล์ ลดการเกิดกรดแลคติกในกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ดี
• แหล่งข้อมูล: บทความ “โสมเกาหลี สมุนไพรบำรุงกล้ามเนื้อและกระดูก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๙. เพกา (Indian Trumpet Flower)
• สารสำคัญ: Triterpenoids, Flavonoids, Saponins มีสรรพคุณสมานแผล แก้อักเสบบวม และขับเลือดเสียในกรณีเรือนไฟ หรือหลังการคลอดลูก รวมถึงลดการอักเสบในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เพกา สมุนไพรลดอักเสบและบำรุงข้อเข่า” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๐. เสกตี่ (Rehmannia Root)
• สารสำคัญ: Iridoid glycosides, Catalpol, Starch สมุนไพรนี้ช่วยบำรุงธาตุน้ำและเลือด ปรับสมดุลสำหรับผู้ที่มีภาวะหยินหยางไม่สมดุล บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเอว และอาการที่เกี่ยวข้องกับเลือดลม เช่น วิงเวียนศีรษะ และอาการเหนื่อยล้า
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เสกตี่ สมุนไพรบำรุงเลือดและกล้ามเนื้อ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๑. หญ้าหวาน (Stevia)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ช่วยเพิ่มกำลังวังชาและส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด มีผลดีต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวานและประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนเลือด” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()


สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการปรับสมดุลระบบขับถ่าย ขับไขมัน และล้างพิษในทางเดินอาหารโดยเฉพาะ
(คุณค่าทางโภชนาการของสารสำคัญ : ช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูกเรื้อรัง บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ดีท็อกซ์ลำไส้ ล้างพิษ ล้างไขมันสะสมในทางเดินอาหาร)*
วิธีรับประทาน: ดื่มวันละ ๑-๒ แก้วตวง (๑๕ มล.) หลังอาหาร
หนึ่งขวดบรรจุ ๗๕๐ มล.
ส่วนประกอบ และประโยชน์ทางโภชนาการ
๑. ส้มแขก (Garcinia cambogia)
• สารสำคัญ: Hydroxycitric Acid (HCA), Flavonoids ช่วยลดความอยากอาหารและเพิ่มกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยขับไขมันและลดการสะสมไขมันในลำไส้และร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ส้มแขก สมุนไพรช่วยลดไขมันและควบคุมน้ำหนัก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒. มะละกอ (Papaya)
• สารสำคัญ: Papain, Fiber, Carotenoids มีไฟเบอร์สูงและเอนไซม์ปาเปน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น และลดอาการท้องผูกเรื้อรัง
• แหล่งข้อมูล: บทความ “มะละกอ สมุนไพรเพื่อการย่อยอาหาร” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๓. ใบมะรุม (Moringa leaves)
• สารสำคัญ: Quercetin, Kaempferol, Isothiocyanates อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และป้องกันมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการล้างสารพิษและลดการสะสมของไขมัน
• แหล่งข้อมูล: บทความ “คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุม” สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
๔. มะขาม (Tamarind)
• สารสำคัญ: Tartaric acid, Fiber, Polyphenols เปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
มีฤทธิ์ในการขจัดสารพิษในลำไส้ ขับไขมันตกค้างในทางเดินอาหาร
• แหล่งข้อมูล: บทความ “มะขาม สมุนไพรขจัดสารพิษในลำไส้” คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
๕. กล้วย (Banana)
• สารสำคัญ: Resistant starch, Fiber, Potassium มีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนุ่ม ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กล้วย สมุนไพรบำรุงลำไส้และระบบขับถ่าย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๖. พุทราจีน (Jujube)
• สารสำคัญ: Saponins, Polysaccharides, Vitamin C ช่วยปรับสมดุลของระบบประสาท ช่วยให้ลำไส้ผ่อนคลาย ลดอาการท้องผูกและปัญหาการขับถ่ายยาก
• แหล่งข้อมูล: บทความ “พุทราจีน สมุนไพรปรับสมดุลระบบขับถ่าย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๗. เสาวรส (Passion Fruit)
• สารสำคัญ: Fiber, Vitamin C, Flavonoids มีไฟเบอร์สูง ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด และกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันในร่างกาย พร้อมช่วยล้างพิษในลำไส้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “เสาวรส สมุนไพรเพื่อระบบขับถ่าย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. ขมิ้นขาว (White Turmeric)
• สารสำคัญ: Curcuminoids, Essential oils มีสรรพคุณช่วยลดอาการท้องอืด ขับลม ลดการอักเสบในลำไส้ และช่วยขจัดสารพิษในลำไส้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “ขมิ้นขาว สมุนไพรลดอาการอักเสบในลำไส้” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๙. กระบองเพชร (Cactus)
• สารสำคัญ: Amino Acids, Pectin, Flavonoids มีกรดอะมิโนที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล และไขมันในร่างกาย ช่วยลดไขมันเก่าที่สะสม และมีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและล้างลำไส้
• แหล่งข้อมูล: บทความ “กระบองเพชร สมุนไพรลดไขมันและล้างพิษ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๑๐. สำรอง (Malva nut)
• สารสำคัญ: Mucilage, Fiber มีเนื้อวุ้นที่ให้ใยอาหารสูง ส่งเสริมการขับถ่าย ช่วยล้างสารพิษในลำไส้และลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “สำรอง สมุนไพรเพื่อการขับถ่ายและลดไขมัน” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๑๑. หญ้าหวาน (Stevia)
• สารสำคัญ: Stevioside, Rebaudioside A ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล โดยไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและเสริมระบบขับถ่าย
• แหล่งข้อมูล: บทความ “หญ้าหวาน สมุนไพรส่งเสริมระบบขับถ่าย” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
![]()
ข้อสงวนสิทธิ์ และข้อจำกัดความรับผิดชอบ
สมุนไพรบ้านพลูหลวง* โดยบริษัท บ้านพลูหลวงโอสถ จำกัด ได้มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การจดทะเบียนอาหาร, การจดแจ้งเครื่องสำอาง และการขึ้นทะเบียนยาจากสมุนไพร เป็นคุณสมบัติทางเคมี และทางกายภาพของสมุนไพรโดยทั่วไปที่รับรู้ในวงกว้าง มิใช่คุณสมบัติอันเฉพาะเจาะจงของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร ไม่ใข่ยา (“ยา” ตามพระราชบัญญัติยา หมายถึงสิ่งที่มีผล หรือใช้ในการป้องกันบำบัดบรรเทา และรักษาโรค) แต่เป็น “อาหาร” (ตามพระราชบัญญัติอาหาร หมายถึง สารหรืออาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับผู้บริโภคซึ่งประสงค์จะเสริมอาหาร เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ เท่านั้น)
ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร ไม่มีผลต่อการบำบัดรักษาโรคให้หายขาดได้ อีกทั้งส่วนประกอบหลักส่วนใหญ่มาจากพืชสมุนไพร หากเจ็บป่วย ต้องการรักษาโรคควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ผลลัพธ์ของการรับประทานเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นกับปัจจัยทางกายภาพของผู้บริโภค เช่น เพศ, อายุ, พันธุกรรมความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร และพันธุกรรม
![]()
“ความงาม” คือความรื่นรมย์แห่งชีวิต ที่ผู้หญิงทั่วโลกปรารถนาความงามนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รูปกายภายนอก แต่ยังรวมถึงอารมณ์ และความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ด้วยความตื่นตัวของทุกประสาทสัมผัสที่แสดงออกมา ล้วนเป็นการสะท้อนความกลมกลืนของจิตวิญญาณภายใน และความรู้สึกนึกคิดเข้าด้วยกัน
“บ้านพลูหลวง” เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนอยากมีความงดงาม เราจึงช่วยให้เธอบรรลุถึงความพึงพอใจในความงามนั้นด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับสูงจากสมุนไพรไทยอันทรงคุณค่า โดยเลือกใช้นวัตกรรมล้ำหน้าที่สุด เท่าที่เคยมีมา…

ความงามย่อมต้องพึ่งพาวิทยาการและการคิดค้นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับส่วนผสมที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด จากดอกไม้หอมไทย และว่านสมุนไพรไทยกับสัมผัสที่อ่อนละมุน และกลิ่นหอมอันตราตรึงใจ ล้วนบ่งบอกถึงความเป็นเลิศแห่งผลงานชิ้นโบว์แดงที่ยอดเยี่ยมจาก “บ้านพลูหลวง”
ด้วยความพิถีพิถัน และการส่งเสริมให้มีการเพิ่มเติมขอบเขตความรู้ และความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทำให้เราประสบความสำเร็จในการครองใจผู้หญิงทุกคนทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบ้านพลูหลวงทุกชนิด ได้ถูกผลิตขึ้นภายใต้การควบคุมอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทย และนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ
หนึ่งเดียวแห่งสารบำรุงผิว เฉกเช่นที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แบรนด์ดังระดับโลกเลือกใช้ “บ้านพลูหลวง” บรรจงคัดสรรเฉพาะสารสกัดชั้นเลิศจาก “ว่านสมุนไพรไทย” เพื่อบรรลุถึง “การมีผิวสวยอย่างแท้จริง”
![]()


สกินแคร์สูตรต้นตำรับ อันเป็นที่นิยมและเลื่องลือสืบเนื่องมายาวนาน ได้รับการปรุงแต่งจากส่วนผสมชั้นเลิศที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจาก พฤกษวัตถุ และ ธาตุวัตถุ อันทรงคุณค่าโดยพฤกษวัตถุในที่นี้ หมายถึง พืชพรรณ อันเปี่ยมด้วยคุณสมบัติแห่งการบำรุง และ ฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรหายาก หรือพรรณไม้อันเลื่องชื่อ ล้วนทรงอานุภาพในการช่วยปรนนิบัติผิวพรรณอย่างล้ำลึก
สกินแคร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการดูแลผิวในทุกมิติ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย คืนความกระจ่างใสแก่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พลังแห่งพฤกษวัตถุนี้ ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวชั้นนอก คืนความยืดหยุ่น ทำให้ริ้วรอยและร่องลึกค่อย ๆ จางลง เผยผิวเนียนนุ่ม เปล่งประกายสุขภาพดี และมอบความชุ่มชื้นอันยาวนาน
การใช้เป็นประจำจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะและสิ่งเร้าภายนอก ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ประหนึ่งได้รับการดูแลด้วยพลังแห่งธรรมชาติ
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
โครงสร้างผิวแข็งแรง ผิวดูเด้ง อิ่มฟู
กระจ่างใสเรียบเนียน
วิธีใช้
เช้า-ก่อนนอน หลังทำความสะอาดผิวหน้า
ลูบไล้ครีมให้ทั่วใบหน้า ระวังอย่าให้เข้าตา
![]()


สกินแคร์ภูมิปัญญาไทย ที่ผสานส่วนผสมทรงพลังจาก ๓ ดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ คือ ดอกมหาหงษ์ ดอกมะลิ และ ดอกพิกุล ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมการบำรุงผิวตามวิถีไทยโบราณ ด้วยสรรพคุณที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับการบำรุงล้ำลึกเพื่อผิวที่ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ดังนี้
๑. ดอกมหาหงส์ (Hedychium Coronarium)
• ดอกมหาหงส์เป็นที่รู้จักในด้านการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง มีสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ลดเลือนจุดด่างดำและความหมองคล้ำ พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวแลดูขาวใสและมีชีวิตชีวาอย่างเป็นธรรมชาติ
• สารสำคัญ: Flavonoids, Polyphenols, Terpenoids
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “ดอกมหาหงส์ สมุนไพรไทยเพื่อผิวสวย” โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัยจาก Asian Journal of Pharmaceutical and Clinical Research ปี ๒๐๒๑
๒. ดอกมะลิ (Jasminum Sambac)
• ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ดอกมะลิจึงเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญในสกินแคร์ภูมิปัญญาไทย ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ผิวดูนุ่มนวล อิ่มน้ำ และเปล่งประกาย นอกจากนี้ ดอกมะลิยังช่วยลดการอักเสบและบรรเทาการระคายเคือง ทำให้ผิวดูสดใส เนียนเรียบและมีสุขภาพดี
• สารสำคัญ: Benzyl Acetate, Eugenol, Isoflavonoids
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “ดอกมะลิ: สารสำคัญและคุณสมบัติเพื่อการบำรุงผิว” โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
• งานวิจัยใน Journal of Cosmetic Science ปี ๒๐๑๙
๓. ดอกพิกุล (Mimusops Elengi)
• อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและกระชับรูขุมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส
และอ่อนเยาว์
• สารสำคัญ: Tannins, Saponins, Gallic Acid, Ellagic Acid
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “ดอกพิกุลและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ” โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัยจาก Indian Journal of Traditional Knowledge ปี ๒๐๒๐
การผสานคุณค่าของ ดอกมหาหงษ์ ดอกมะลิ และ ดอกพิกุล ในสกินแคร์ภูมิปัญญาไทยจึงเป็นเสมือนการคืนชีวิตให้กับผิว มอบความขาวกระจ่างใสอย่างอ่อนโยน พร้อมฟื้นฟูและบำรุงให้ผิวแข็งแรงจากภายใน เพื่อความงามที่คงอยู่ยาวนานตามแบบฉบับไทยโบราณที่สืบทอดกันมายาวนาน
ผลลัพธ์ที่แสนพึงพอใจ
รอยดำจากสิวและฝ้าแดด ดูจางลง
ผิวสว่างใส สีผิวดูสม่ำเสมอ
วิธีใช้งาน
เช้า-ก่อนนอน หลังทำความสะอาดผิวหน้า
ลูบไล้ครีมให้ทั่วใบหน้า ระวังอย่าให้เข้าตา
![]()


สกินแคร์ภูมิปัญญาไทย ที่มีส่วนผสมจาก ๓ ดอกไม้หอมเลอค่าของไทยคือ ดอกสะบันงา ดอกจำปา และ ดอกลีลาวดี เป็นนวัตกรรมการบำรุงผิวที่นำเอาคุณค่าจากดอกไม้มงคลในวัฒนธรรมไทยมาสู่การดูแลผิวอย่างล้ำลึก โดยมีสรรพคุณโดดเด่นในการต่อต้านริ้วรอย และช่วยให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนี้
๑. ดอกสะบันงา (Michelia Champaca)
• มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายของแสงแดดและมลภาวะ พร้อมชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยบำรุงและกระชับผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเนียนเรียบ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ผิวจะดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้น
• สารสำคัญ: Flavonoids, Linalool, Geraniol
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “สะบันงา: สรรพคุณและคุณประโยชน์ด้านผิวพรรณ” โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัยจาก Journal of Medicinal Plant Research ปี ๒๐๒๐
๒. ดอกจำปา (Michelia Champaca Linn.)
• เป็นดอกไม้ที่มีสรรพคุณบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนวัย สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติ
• สารสำคัญ: Alkaloids, Sesquiterpenes, Phenolic Compounds
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “จำปา: สมุนไพรไทยเพื่อการบำรุงผิว” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
• งานวิจัยใน International Journal of Cosmetic Science ปี ๒๐๑๙
๓. ดอกลีลาวดี (Plumeria spp.)
• มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิว ช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และเสริมสร้างการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งและมีความยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเนียนกระชับ
• สารสำคัญ: Alkaloids, Flavonoids, Triterpenoids
แหล่งข้อมูล:
• บทความ “ลีลาวดี: ดอกไม้แห่งความงาม” โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัยจาก Asian Journal of Natural Products ปี ๒๐๒๑
การผสมผสานคุณค่าของ ดอกสะบันงา ดอกจำปา และ ดอกลีลาวดี ในสกินแคร์ภูมิปัญญาไทยจึงเป็นสูตรที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยอย่างทรงประสิทธิภาพ ฟื้นฟูผิวจากความร่วงโรย พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ กระชับ และสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ มอบความงามที่สะท้อนถึงการบำรุงจากธรรมชาติที่แท้จริง
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
ริ้วรอยดูจางลง ผิวอิ่มฟู ดูกระชับเข้ารูป
วิธีใช้
เช้า-ก่อนนอน หลังทำความสะอาดผิวหน้า
ลูบไล้ครีมให้ทั่วใบหน้า ระวังอย่าให้เข้าตา
![]()


เซรั่มกันแดดสมุนไพรจาก “สารสกัดเกสรบัวหลวง” อันทรงคุณค่า มอบการปกป้องและบำรุงผิวครบจบในหนึ่งเดียว ด้วยคุณสมบัติเด่นที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า คืนความอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ มาพร้อมสูตรป้องกันมลภาวะ PPF เพื่อปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก พร้อมเสริมเกราะให้ผิวจากรังสี UVA-๑, UVA-๒ และ UVB ครอบคลุมการป้องกันแดดอย่างเต็มประสิทธิภาพ
เนื้อซีรัมบางเบาพิเศษ แต่ยังคงให้การปกปิดรอยหมองคล้ำอย่างเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ พร้อมทั้งกันน้ำและกันเหงื่อได้อย่างดีเยี่ยม ให้ผิวคุณดูสุขภาพดี เปล่งประกายความมั่นใจในทุกวัน
สารสำคัญในสารสกัดเกสรบัวหลวง (Nelumbo Nucifera)
• Flavonoids: มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสียหายของผิวจากรังสี UV และมลภาวะ
• Alkaloids: ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย
• Saponins: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลน้ำในผิว และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
• Vitamin C และ Polyphenols: ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
แหล่งข้อมูล:
๑. สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์:
• บทความ “คุณค่าของเกสรบัวหลวงในงานเครื่องสำอาง”
๒. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก:
• งานวิจัย “ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารออกฤทธิ์ในเกสรบัวหลวง”
๓. วารสารวิจัยสมุนไพรไทย (Thai Journal of Medicinal Plants):
• งานวิจัย “ผลของสารสกัดเกสรบัวหลวงในการปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV”
๔. Asian Journal of Pharmaceutical Sciences (๒๐๒๐):
• งานวิจัย “Lotus Stamen Extract: A Natural Shield for Skin Protection Against UV Radiation”
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
ผิวหน้าเนียน สว่างกระจ่างใสไม่กลัวแดด
วิธีใช้
เช้าหลังทำความสะอาดผิวหน้า
ลูบไล้ครีมให้ทั่วใบหน้า ระวังอย่าให้เข้าตา
![]()


ว่านนางคำ หรือ พญาว่าน ได้รับการขนานนามว่าเป็นพืชมงคลที่มีมนต์เสน่ห์แห่งการบำรุงผิวพรรณอย่างลึกซึ้ง จนได้รับสมญานามว่า “ผิวสวยดั่งทองคำ” ความงดงามและพลังบำรุงจากธรรมชาติของว่านนางคำ ได้รับการถ่ายทอดผ่านคุณสมบัติทางเภสัชศาสตร์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เหง้าของว่านนางคำอุดมไปด้วยสารสำคัญต่าง ๆ อาทิ อัลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ เคอร์คูมินอยด์ แทนนิน และเทอร์พีนอยด์ ซึ่งล้วนมีฤทธิ์สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวได้อย่างน่าอัศจรรย์
สารเหล่านี้ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบของผิว และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งไทโรซิเนส อันเป็นต้นเหตุของผิวหมองคล้ำและการอักเสบของผิว
สารสำคัญในว่านนางคำ (Curcuma Aromatica Salisb.)
๑. เคอร์คูมิน (Curcumin)
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเสื่อมของเซลล์
• มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส
๒. น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)
• ประกอบด้วยสารสำคัญ เช่น Camphor, Cineole และ α-Turmerone
• ช่วยบำรุงผิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
๓. Xanthorrhizol
• มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านการอักเสบ และต้านจุลชีพ
๔. Polysaccharides
• ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
๕. Tannins และ Flavonoids
• ช่วยลดริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว
คุณสมบัติเด่นของว่านนางคำ
• ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน
• เพิ่มความกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ
• ลดการอักเสบและสมานแผล
แหล่งข้อมูล:
๑. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
• บทความ: “ว่านนางคำ สมุนไพรเพื่อผิวสวยและสุขภาพ”
• ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของว่านนางคำในตำรับยาแผนไทย
๒. สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัย: “การวิเคราะห์สารสำคัญในว่านนางคำและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ”
๓. Journal of Ethnopharmacology
• งานวิจัย: “Antioxidant and anti-inflammatory effects of Curcuma aromatica” (๒๐๒๐)
๔. Asian Pacific Journal of Tropical Biomedicine
• งานวิจัย: “Curcuma Aromatica Salisb.: Natural remedy for skin disorders and wound healing” (๒๐๑๙)
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
ผิวกายเนียนสว่างกระจ่างใส เกลี่ยง่าย
ไม่ทิ้งคราบ
วิธีใช้งาน
เช้า ลูบไล้เซรั่มที่คอ แขน ขา
ก่อนเผชิญแสงแดด ๒๐ นาที
![]()


โฟมสมุนไพรจากสารสกัดดอกกุหลาบราชินี มอบประสบการณ์แห่งการทำความสะอาดผิวที่เหนือชั้น ด้วยคุณค่าจากดอกกุหลาบอันเลอค่า ทรงประสิทธิภาพในการชำระล้างสิ่งสกปรกและสารเคมีที่ตกค้างบนผิวหน้าอย่างอ่อนโยนแต่ล้ำลึกในทุกอณูผิว พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งประกาย กระจ่างใสขึ้นถึงสองระดับ ผิวของคุณจะรู้สึกเบาสบายและสดชื่นในทุกครั้งที่ใช้
ฟองไมโครโฟมเนื้อละเอียดจะช่วยชำระล้างคราบเมคอัพ คราบความสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกอย่างหมดจด โดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ให้สัมผัสที่อ่อนโยน ราวกับปุยเมฆที่โอบอุ้มใบหน้าไว้อย่างแผ่วเบา และยังคงรักษาความสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ น้ำมันจากสารสกัดดอกกุหลาบยังมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยฆ่าเชื้อ P.acnes ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิวและสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผิวสะอาด สดใส และสุขภาพดี พร้อมปกป้องจากปัญหาผิวในอนาคต ให้ผิวหน้าของคุณเปล่งปลั่ง อ่อนนุ่ม และมั่นใจในทุกช่วงเวลาของวัน
สารสำคัญในสารสกัดดอกกุหลาบ
๑. Flavonoids (Quercetin, Kaempferol)
• ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพ
• ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว
๒. Vitamin C
• ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
• ลดเลือนจุดด่างดำและป้องกันการเกิดเม็ดสีผิวผิดปกติ
๓. Phenolic Compounds
• ลดการอักเสบของผิว
• ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายจากรังสี UV
๔. Tannins
• กระชับรูขุมขน ลดความมันบนใบหน้า
๕. Essential Oils
• ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำของผิว
• ให้กลิ่นหอมที่มีคุณสมบัติผ่อนคลายจิตใจ
๖. Gallic Acid และ Ellagic Acid
• ช่วยปรับสมดุลผิว ลดการระคายเคือง
คุณสมบัติเด่นของสารสกัดดอกกุหลาบ
• ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
• ปรับสมดุลน้ำมันบนผิวหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
• ลดรอยแดงและการอักเสบของผิว
• กลิ่นหอมช่วยลดความเครียดและเสริมความผ่อนคลาย
แหล่งข้อมูล:
๑. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
• บทความ: “สารสกัดดอกกุหลาบ: คุณค่าด้านความงามและสุขภาพ”
๒. สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• งานวิจัย: “ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและการยับยั้งการอักเสบของสารสกัดดอกกุหลาบ”
๓. Journal of Ethnopharmacology (๒๐๒๐)
• งานวิจัย: “Phytochemical analysis and antioxidant activity of Rosa spp.”
๔. Journal of Cosmetic Science (๒๐๑๙)
• งานวิจัย: “Anti-inflammatory and skin barrier repair properties of rose extract in topical formulations”
๕. Asian Journal of Pharmaceutical and Clinical Research
• งานวิจัย: “Role of Rosa damascena in natural skincare and aromatherapy”
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
ผิวสะอาด เผยผิวสว่างกระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์
ช่วยสมานผิว ลดสิวอุดตัน และ สิวอักเสบ
วิธีใช้
บีบโฟมเล็กน้อยลงบนฝ่ามือที่เปียก ทำให้เกิดฟอง
ลูบไล้และนวดโฟมให้ทั่วใบหน้า และลำคอ
ระวังอย่าให้เข้าดวงตา ทิ้งไว้ ๒๐ วินาที
และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
![]()


ถ่ายทอดมรดกแห่งภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยจากยุคกรุงศรีอยุธยา สู่บาล์มสมุนไพรสูตรพิเศษที่ผ่านการพัฒนาและจดแจ้งคุณสมบัติทางยา ในรูปแบบของ “ยาสมุนไพร” กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย
คุณสมบัติเด่นของบาล์มสมุนไพรตราบ้านพลูหลวง
บาล์มสมุนไพรสูตรนี้ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อต่อด้วยคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรไทย ดังนี้
• ลดอาการปวดข้อและข้ออักเสบเรื้อรัง
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ไขข้ออักเสบ ข้อเข่าเสื่อม หรือการอักเสบในข้อต่อ ด้วยสารสำคัญ Alkaloids จากเถาเอ็นอ่อนที่ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูข้อต่อ
• บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและฟื้นฟูกล้ามเนื้ออักเสบ
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัวจากการใช้งานหนักหรืออาการจากโรค ออฟฟิศซินโดรม ด้วย Flavonoids และ Saponins จากเถาวัลย์เปรียงและเถาโคคลาน
• บรรเทาอาการรองช้ำและเส้นเอ็นตึง
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดฝ่าเท้า เหยียดแขนเหยียดขาไม่ได้ หรือมีปัญหาจากการเดินและยืนนาน ด้วยสารสำคัญ Methyl salicylate จากน้ำมันระกำที่มีฤทธิ์ลดปวดและคลายเส้น
• ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวในผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและบรรเทาอาการตึงตัวในกล้ามเนื้อ ด้วย Sesquiterpenes จากไพล
• เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว ด้วย Polyphenols และ Triterpenoids
• บรรเทาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการออกกำลังกาย
ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับนักกีฬา
• ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
เนื้อบาล์มบางเบา แต่ทรงพลัง ซึมลึกสู่ชั้นผิวได้รวดเร็ว
ส่วนประกอบสำคัญในบาล์มสมุนไพร (ใน ๒,๕๖๕ กรัม)
๑. น้ำมันเถาเอ็นอ่อน (๙๕ กรัม)
• สารสำคัญ: Alkaloids และ Flavonoids
• คุณสมบัติ: บรรเทาอาการปวดเมื่อย คลายเส้นเอ็นตึง ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
๒. น้ำมันเถาโคคลาน (๗๐ กรัม)
• สารสำคัญ: Triterpenoids
• คุณสมบัติ: ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
๓. น้ำมันเถาวัลย์เปรียง (๗๐ กรัม)
• สารสำคัญ: Saponins และ Flavonoids
• คุณสมบัติ: ลดอาการอักเสบในข้อต่อ ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
๔. น้ำมันไพล (๒๕ กรัม)
• สารสำคัญ: Sesquiterpenes
• คุณสมบัติ: ลดบวม ฟกช้ำ และคลายกล้ามเนื้อ
๕. น้ำมันว่านเอ็นเหลือง (๒๕ กรัม)
• สารสำคัญ: Polyphenols
• คุณสมบัติ: ฟื้นฟูเส้นเอ็นอ่อนล้า เสริมสร้างความแข็งแรง
๖. น้ำมันระกำ (๑๐๐ กรัม)
• สารสำคัญ: Methyl salicylate
• คุณสมบัติ: ลดปวดกล้ามเนื้อและตึงเส้น
แหล่งข้อมูล
๑. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
• งานวิจัย “สรรพคุณของเถาเอ็นอ่อนและเถาวัลย์เปรียงในตำราแพทย์แผนไทย”
๒. วารสารการแพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine Journal)
• บทความ “น้ำมันระกำและฤทธิ์บรรเทาปวดในกล้ามเนื้อ”
๓. หนังสือสมุนไพรไทย (Thai Herbal Pharmacopoeia)
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
รู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง
พร้อมฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
วิธีใช้
ใช้บาล์มปริมาณพอเหมาะ ลูบไล้บริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย
อักเสบ หรือตึงเส้นเอ็น ใช้เป็นประจำตามต้องการ
ระวังอย่าทาใกล้ดวงตาและบริเวณแผลสด
![]()


สบู่สมุนไพรเก้าพฤกษา ตราบ้านพลูหลวง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาไทยในยุคกรุงศรีอยุธยา ผสานคุณค่าของสมุนไพรธรรมชาติ ๙ ชนิด ที่คนโบราณใช้ดูแลผิวพรรณและสุขภาพมาตั้งแต่สมัยราชธานีแห่งนี้ ด้วยสูตรที่ถ่ายทอดจากตำรายาแผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านในยุคนั้น สบู่สูตรนี้จึงสะท้อนถึงความงามและภูมิปัญญาอันลึกซึ้งที่สืบทอดมายาวนาน
คุณสมบัติเด่นของสบู่สมุนไพรเก้าพฤกษา ตราบ้านพลูหลวง
๑. ดูแลปัญหาผิวอย่างล้ำลึก
ด้วยคุณสมบัติต้านเชื้อรา แบคทีเรีย และลดการอักเสบจาก ทองพันชั่ง และ ว่านเสน่ห์จันทน์แดง ช่วยบรรเทาปัญหาสิว ผดผื่น และอาการระคายเคืองผิว
๒. ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสและสม่ำเสมอ
ด้วยสารสกัดจาก มะหาด ที่ช่วยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ และยับยั้งการสร้างเมลานิน พร้อมขมิ้น และ ว่านนางคำ ที่ช่วยให้ผิวแลดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
๓. บำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ด้วยสารสกัดจาก น้ำผึ้ง และ ว่านหางจระเข้ ช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้าน พร้อมปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น
๔. อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว
สบู่สูตรธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย อุดมไปด้วยสมุนไพรแท้ ๙ ชนิดที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
๕. สะท้อนภูมิปัญญาไทยโบราณ
ได้รับแรงบันดาลใจจากตำรับสมุนไพรในยุคกรุงศรีอยุธยา ที่ใช้สมุนไพรไทยบำรุงและดูแลผิวแบบองค์รวม ผสานศาสตร์แห่งความงามจากอดีตสู่ปัจจุบันในทุกก้อนของสบู่
ส่วนประกอบสำคัญ
๑. ทองพันชั่ง
• สารสำคัญ: ฟลาโวนอยด์และฟีนอล
• คุณสมบัติ: ทองพันชั่งเป็นสมุนไพรที่แพทย์หลวงในกรุงศรีอยุธยาใช้รักษาโรคผิวหนัง ลดการอักเสบ และต้านเชื้อราและแบคทีเรีย ช่วยดูแลผิวที่มีปัญหาผดผื่น
• แหล่งข้อมูล: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุถึงการใช้ทองพันชั่งในตำรับยาโบราณ
๒. ทานาคา
• สารสำคัญ: คูมารินและแทนนิน
• คุณสมบัติ: ชาวกรุงศรีนิยมใช้ทานาคาผสมกับน้ำเพื่อพอกหน้าและผิว ช่วยลดความมัน ป้องกันริ้วรอย และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส
• แหล่งข้อมูล: วารสาร Journal of Ethnopharmacology ระบุถึงคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของทานาคา
๓. ขมิ้น
• สารสำคัญ: เคอร์คูมิน
• คุณสมบัติ: ขมิ้นเป็นสมุนไพรประจำบ้านในสมัยกรุงศรี ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูผิวให้สดใส แม่หญิงในยุคนั้นใช้ขมิ้นขัดผิวเพื่อเพิ่มความเนียนนุ่ม
• แหล่งข้อมูล: งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงคุณสมบัติการบำรุงผิวของขมิ้น
๔. ดอกคำฝอย
• สารสำคัญ: แคโรทีนอยด์และกรดไขมัน
• คุณสมบัติ: แพทย์หลวงในสมัยอยุธยาใช้ดอกคำฝอยในการบำรุงผิวและรักษาอาการผิวแห้งเสีย ช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นและสุขภาพของผิว
• แหล่งข้อมูล: หนังสือ สมุนไพรไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
๕. ว่านนางคำ
• สารสำคัญ: เคอร์คูมินอยด์
• คุณสมบัติ: ว่านนางคำเป็นสมุนไพรที่ใช้ในราชสำนักยุคกรุงศรี เพื่อฟื้นฟูผิวให้สดใส ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความนุ่มเนียน
• แหล่งข้อมูล: ผลการศึกษาของ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
๖. เสน่ห์จันทน์แดง
• สารสำคัญ: แทนนิน
• คุณสมบัติ: แพทย์แผนไทยสมัยอยุธยาใช้จันทน์แดงสมานแผลและลดการอักเสบ ผงจันทน์แดงยังช่วยป้องกันการเกิดสิวและปัญหาผิวที่เกิดจากเชื้อโรค
• แหล่งข้อมูล: กรมป่าไม้ ระบุถึงคุณสมบัติสมานผิวของจันทน์แดง
๗. มะหาด
• สารสำคัญ: ออกซีเรสเวอราทรอล
• คุณสมบัติ: ในยุคกรุงศรี มะหาดถูกนำมาใช้ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำในหญิงสาว สารในมะหาดช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• แหล่งข้อมูล: วารสาร Natural Product Research ระบุถึงคุณสมบัติลดการสร้างเมลานินของมะหาด
๘. น้ำผึ้ง
• สารสำคัญ: ฟลาโวนอยด์และเอนไซม์
• คุณสมบัติ: น้ำผึ้งเป็นสมุนไพรที่แพทย์หลวงใช้รักษาผิวแห้งเสีย ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และป้องกันการระคายเคือง
• แหล่งข้อมูล: งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
๙. ว่านหางจระเข้
• สารสำคัญ: อโลอินและโพลีแซ็กคาไรด์
• คุณสมบัติ: ว่านหางจระเข้ถูกนำมาใช้สมานแผลและฟื้นฟูผิวหลังถูกแดดในยุคกรุงศรี เพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว
• แหล่งข้อมูล: งานวิจัยจาก คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สบู่สมุนไพรเก้าพฤกษา ตราบ้านพลูหลวง นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตธรรมชาติแล้ว ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาอันล้ำค่าของกรุงศรีอยุธยา ด้วยคุณค่าแห่งสมุนไพรไทยที่ได้รับการยกย่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สบู่นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับการดูแลผิวแบบธรรมชาติและใส่ใจในคุณค่าแห่งมรดกไทย
ผลลัพธ์อันแสนพึงพอใจ
สบู่สมุนไพรเก้าพฤกษาจะช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด
กำจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
พร้อมมอบผิวที่กระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้ากระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
สบู่สูตรนี้ยังช่วยลดปัญหาสิวและการระคายเคืองด้วยคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย
และการอักเสบของผิวหนัง พร้อมฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี
และช่วยป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว เมื่อใช้เป็นประจำ
คุณจะรู้สึกได้ถึงผิวที่สะอาด สดชื่น และดูมีชีวิตชีวาในทุกวัน
วิธีใช้
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการทำให้สบู่เปียก
ถูให้เกิดฟองแล้วลูบไล้ฟองสบู่เบา ๆ
ให้ทั่วผิวหน้าและผิวกาย ทิ้งไว้ประมาณ ๑-๒ นาที
เพื่อให้สมุนไพรซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดและซับผิวให้แห้ง
ควรใช้เป็นประจำทุกเช้าและเย็น เพื่อผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ถึงผิวที่สะอาด
สุขภาพดี และเปล่งปลั่งในทุกวัน
![]()
ข้อสงวนสิทธิ์ และข้อจำกัดความรับผิดชอบ
* ผลลัพธ์ของการใช้ผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นกับปัจจัยทางกายภาพของผู้บริโภคเช่น เพศ,อายุ ความไวของผิวในการตอบสนองต่อสารบำรุงผิว
* Results of using our products may vary in person. Depends on the physical factors of the consumer such as gender, age, skin sensitivity in response to skin care substances, etc.
![]()



